0G's storage [ฉบับแปล ภาษาไทย]

บทความต้นฉบับ:

จะเป็นอย่างไรถ้าโครงการ Web2 หรือ Web3 ใดๆ ก็สามารถเข้าถึงโครงสร้างพื้นฐานการจัดเก็บข้อมูล (data storage infrastructure) สำหรับข้อมูลจำนวนมหาศาลได้? จะเป็นอย่างไรถ้าข้อมูลนี้สามารถถูกสืบค้นได้อย่างรวดเร็วเพื่อ data availability ในขณะที่มีความปลอดภัยสูงและสามารถปรับแต่งตามวัตถุประสงค์ได้?

บทความนี้จะพูดถึงภาพรวมของ 0G Storage ซึ่งเป็นฐานข้อมูลบนบล็อกเชนที่เพิ่มขนาดได้อย่างไม่จำกัดของเรา ที่รองรับความต้องการด้านข้อมูลของ Web2 หรือ Web3 ทุกประเภท

เราจะพูดถึงภาพรวมเกี่ยวกับ:

  • Dual-lane system for data management (ระบบสองช่องทางสำหรับการจัดการข้อมูล)

  • Erasure coding and data certification (การเข้ารหัสแบบกระจัดกระจายและการรับรองข้อมูล)

  • Layered storage architecture (สถาปัตยกรรมการจัดเก็บแบบหลายระดับ)

  • Economic model and incentives (โมเดลทางเศรษฐกิจและแรงจูงใจ)

เมื่อจบบทความนี้ คุณจะเห็นภาพชัดว่า 0G มีการจัดเก็บข้อมูลที่มีประสิทธิภาพสูงซึ่งสามารถตอบสนองความต้องการบนบล็อกเชนของทุกโครงการได้

การจัดเก็บข้อมูลที่มีประสิทธิภาพสูงโดยใช้ 0G

สำหรับผู้ที่ต้องการจัดเก็บข้อมูลกับ 0G ต้องจัดเตรียมข้อมูลพร้อมกับการชำระเงินโดยใช้ tokens ของ 0G ซึ่งอยู่ใน main chain ของ 0G ในการจัดเก็บข้อมูลนี้ ข้อมูลจะถูกเข้ารหัสแบบกระจัดกระจายก่อน ซึ่งหมายความว่าข้อมูลที่จัดเก็บจะถูกแบ่งเป็นชิ้นส่วนเล็กๆ แบบซ้ำซ้อนกัน และกระจายไปยังสถานที่จัดเก็บหลายแห่ง

ระบบของ 0G เองมีสองส่วน:

  1. The Data Publishing Lane - ช่องทางการเผยแพร่ข้อมูล: เพื่อรับประกันความพร้อมใช้งานของข้อมูล โดยข้อมูลใน 0G Storage สามารถถูกสืบค้นและตรวจสอบได้อย่างรวดเร็วโดยเครือข่ายฉันทามติของ 0G ("0G Consensus")

  2. The Data Storage Lane - ช่องทางการจัดเก็บข้อมูล: สำหรับการถ่ายโอนข้อมูลขนาดใหญ่ไปยัง 0G Storage

เพื่อวัตถุประสงค์ด้านความพร้อมใช้งานของข้อมูล (data availability) storage node ของ 0G ต้องประสานงานกับเครือข่ายฉันทามติของ 0G ("0G Consensus") เพื่อรับรองว่าข้อมูลมีอยู่จริงใน 0G Storage เราใช้การออกแบบ quorum-based design (แบบคณะกรรมการเท่าที่จำเป็น) โดยมีการเลือก storage node ของ 0G แบบสุ่ม

การจัดเก็บข้อมูลแบบหลายระดับ (layered design)

การจัดเก็บข้อมูลแบบ 0G ใช้การออกแบบหลายระดับ (layered design) โดยแต่ละระดับมีจุดเน้นที่แตกต่างกัน

ระดับล่างสุดคือชั้นการบันทึก (Log layer) รายการบันทึกอ้างอิงถึงบันทึกทั่วไป (คล้ายกับไฟล์ในโปรแกรมคอมพิวเตอร์ทั่วไป) และใช้สำหรับข้อมูลดิบที่ไม่ได้จัดเรียง (unstructured data) ซึ่งสามารถเพิ่มเติมเนื้อหาได้เท่านั้น (append-only)

ระดับถัดมาคือชั้นค่าคีย์ (Key-Value หรือ KV layer) เป็นที่จัดเก็บข้อมูลที่จัดเรียงเรียบร้อยแล้ว (structured data) ซึ่งสามารถอัปเดตได้ผ่านรายการใหม่ที่เพิ่มเข้าไปในรายการบันทึก (log entries) ตัวอย่างเช่น หากต้องการอัปเดตคีย์ใดคีย์หนึ่ง รายการบันทึกใหม่สามารถรวมเข้ากับการอัปเดตนี้ได้ (พร้อมกับข้อมูลอื่น ๆ ที่รวมอยู่ในแต่ละรายการบันทึก)

KV Runtime ประสานงานกับ Log Runtime โดย "Runtime" หมายถึงช่วงเวลาที่โปรแกรมกำลังทำงานและรวมถึงสภาพแวดล้อมหรือกรอบการทำงานที่สนับสนุนการดำเนินการของโปรแกรม
KV Runtime ประสานงานกับ Log Runtime โดย "Runtime" หมายถึงช่วงเวลาที่โปรแกรมกำลังทำงานและรวมถึงสภาพแวดล้อมหรือกรอบการทำงานที่สนับสนุนการดำเนินการของโปรแกรม

สรุปได้ดังนี้:

ชั้นบันทึก (Log layer): ข้อมูลดิบที่ไม่ได้จัดเรียง (unstructured data)ซึ่งสามารถเพิ่มเติมได้เท่านั้น (append-only)

ชั้นค่าคีย์ (KV layer): ข้อมูลที่จัดเรียงเรียบร้อยแล้ว (structured data) ซึ่งสามารถอัปเดตเพื่อเปลี่ยนแปลงได้

ตัวอย่างเช่น machine learning models อาศัยชุดข้อมูลแบบตาราง (tabular data) ซึ่งจะถูกแสดงในรายการบันทึก ในทางตรงกันข้าม ข้อมูลที่อยู่ในรูปแบบ JSON หรือ MongoDB format จะถูกรวมอยู่ในรูปแบบ KV

การจัดเก็บแบบค่าคีย์ยังช่วยให้นักพัฒนาสามารถจัดการและดูแลข้อมูลที่มีโครงสร้างโดยสามารถเปลี่ยนแปลงได้อย่างเต็มที่ แม้กระทั่งสร้างแอปพลิเคชันที่คล้ายกับฐานข้อมูลบนระบบการจัดเก็บข้อมูลแบบ 0G

การจัดเก็บข้อมูลที่ขยายได้สำหรับงบประมาณและความต้องการของคุณ

0G ให้ผู้ใช้งานจัดเก็บข้อมูลได้ทุกระดับปริมาณ และให้ตัวเลือกต่างๆ เช่น ตำแหน่งที่จัดเก็บ ระดับการทำซ้ำข้อมูล (data replication) และระยะเวลาการจัดเก็บ ตัวอย่างเช่น ผู้ใช้สามารถจ่ายเพิ่มเพื่อสำรองข้อมูลเพิ่มเติม เลือกใช้เซิร์ฟเวอร์ในเขตอำนาจศาลเฉพาะ (เช่น สหรัฐอเมริกา) และเลือกระยะเวลาที่ระบบจะเก็บข้อมูลไว้

ในทางกลับกัน นักขุด (Miners) ที่จัดการการจัดเก็บของ 0G จะได้รับ token (ZG) เป็นรางวัลจาก network ระบบมี "กองทุนจัดเก็บข้อมูล" ที่จ่ายให้นักขุดเหล่านี้ นอกเหนือจากค่าธรรมเนียมที่จ่ายโดยผู้ที่จัดเก็บข้อมูล

รางวัลการจัดเก็บข้อมูลทั้งหมดสำหรับรายการข้อมูลใดๆ ไม่ขึ้นอยู่กับความนิยมของข้อมูลนั้น และรางวัลจะถูกแบ่งระหว่างจำนวนนักขุดที่จัดเก็บข้อมูลนี้ ดังนั้น รายการข้อมูลที่ถูกจัดเก็บโดย Miners เพียงไม่กี่คนจะส่งผลให้ผลตอบแทนสูงขึ้นสำหรับ Miners เหล่านั้น ในขณะที่รายการที่ถูกจัดเก็บอย่างแพร่หลายอาจนำไปสู่ผลตอบแทนที่ต่ำลงสำหรับ Miners ของข้อมูลนั้น

การกำหนดราคามีสองส่วน:

  1. ค่าธรรมเนียม (fee): ค่าธรรมเนียมที่จ่ายให้กับ Miners ที่ประมวลผลคำขอจัดเก็บและเพิ่มรายการข้อมูลใหม่ ผู้ใช้สามารถกำหนดค่าธรรมเนียมที่สูงขึ้นเพื่อจูงใจให้ storage node มากขึ้นจัดเก็บข้อมูลนั้น

  2. กองทุนจัดเก็บข้อมูล (Storage Endowment): รางวัลต่อเนื่องให้กับ Miners ที่จัดเก็บข้อมูลของ 0G ซึ่งให้ข้อมูลที่เกี่ยวข้อง เช่น การทำให้ข้อมูลพร้อมใช้งานเพื่อวัตถุประสงค์ในการพิสูจน์ความพร้อมใช้งานของข้อมูล ซึ่งจะถูกจ่ายโดยผู้ที่ต้องการพิสูจน์ความพร้อมใช้งานของข้อมูล มากกว่าผู้จัดเก็บข้อมูลเดิม (แม้ว่าอาจเป็นบุคคลเดียวกันก็ตาม)

หลักฐานการเข้าถึงแบบสุ่ม (PoRA - Proof of Random Access)

เพื่อจูงใจให้ Miners เก็บข้อมูล จึงมีการใช้หลักฐานการเข้าถึงแบบสุ่ม (PoRA) วิธีนี้กำหนดให้ Miners ต้องตอบสนองแบบสุ่มที่เกี่ยวข้องกับชิ้นส่วนข้อมูลที่เก็บถาวร (archived data chunks)

Miners ต้องตอบสนองต่อที่ร้องขอแต่ละครั้งและคำนวณผลลัพธ์จนกว่าจะพบคำตอบที่ตรงตามความยากในการขุด (เช่น มีจำนวนเลขศูนย์นำหน้ามากพอ)

เมื่อ Miners โหลดชิ้นส่วนข้อมูลที่เก็บถาวและคำนวณแฮชที่แสดงถึงข้อมูลนี้แล้ว พวกเขาจะตรวจสอบว่าคำตอบของตนตรงตามระดับความยากที่กำหนดหรือไม่ เนื่องจากกระบวนการนี้เป็นแบบสุ่ม นักขุดสามารถเพิ่มโอกาสในการได้รับรางวัลโดยการเพิ่มกำลังการประมวลผลและจัดเก็บข้อมูลมากขึ้น

ความยุติธรรม

เพื่อให้เกิดความยุติธรรมสำหรับผู้ที่มีเครื่องมือน้อยกว่า ช่วงการขุดจึงถูกจำกัดไว้ที่ 8 เทราไบต์ของข้อมูล นั่นหมายความว่าผู้ที่มีเครื่องจำนวนมากสามารถขุดพร้อมกันได้หลายช่วงข้อมูล (โดยแต่ละช่วงมีขนาด 8 เทราไบต์) ในขณะที่เครื่องเดี่ยวสามารถแข่งขันในช่วงข้อมูลขนาด 8 เทราไบต์เพียงช่วงเดียว

การสร้างแรงจูงใจให้การแชร์ข้อมูล

การสร้างแรงจูงใจให้ nodes แบ่งปันข้อมูลนั้นเป็นเรื่องท้าทาย เนื่องจากส่วนใหญ่ของกระบวนการนี้จะเกิดขึ้นภายนอก 0G Consensus ดังนั้นจึงสมเหตุสมผลที่ nodes จะต้องการเก็บรักษาความกว้างแบนด์วิดท์ที่มีอยู่

0G มีการใช้กลไกการจ่ายค่าลิขสิทธิ์ในตัวเพื่อสร้างแรงจูงใจในการแบ่งปันข้อมูล โดยที่ 0G จะให้ค่าลิขสิทธิ์เมื่อมีการสร้างหลักฐานการขุด PoRA mining proof ใหม่บนพื้นฐานของข้อมูลที่แบ่งปัน ตัวอย่างเช่น หากโหนด A แบ่งปันข้อมูลกับโหนด B และโหนด B สร้างหลักฐานการขุดที่ถูกต้อง โหนด A จะได้รับรางวัล

0G Storage จะรองรับการใช้งานนับพัน

ตอนนี้ควรจะชัดเจนแล้วว่า 0G Storage มีการออกแบบอย่างไม่เหมือนใครที่สามารถขยายขนาดได้อย่างรวดเร็วในขณะเดียวกันก็รองรับคำขอความพร้อมใช้งานของข้อมูลในทุกรูปแบบ 0G Storage ยังทำหน้าที่เป็นโครงสร้างพื้นฐานการเก็บข้อมูลพื้นฐานสำหรับโครงการ Web3 อื่นๆ ที่ต้องการใช้ 0G โดยมีความคล้ายคลึงกับ AWS และบริการคลาวด์ที่มีการรวมศูนย์แบบดั้งเดิม แต่เป็นแบบ on-chain และ decentralized อย่างสมบูรณ์

หากคุณสนใจจะพาร์ทเนอร์กับ 0G โปรดติดต่อเราที่ Discord

ติดตามการเดินทางของ 0G เพิ่มเติมได้ที่ https://0g.ai/ และ follow เราบน Twitter ที่ https://twitter.com/0G_labs

Subscribe to CST
Receive the latest updates directly to your inbox.
Mint this entry as an NFT to add it to your collection.
Verification
This entry has been permanently stored onchain and signed by its creator.