The Meaning of Decentralization [ความหมายของการกระจายศูนย์]
ผู้เขียน: วิทาลิก บิวเทอริน (Vitalik Buterin)
บทความต้นฉบับตีพิมพ์เมื่อวันที่ 6 กุมภาพันธ์ 2017
อ่านความเรียงภาคภาษาไทยที่เราแปลไว้ได้ที่นี่
อ่านความเรียงต้นฉบับภาษาอังกฤษได้ที่นี่
เราตัดสินใจเลือกแปลความเรียงนี้เป็นชิ้นแรก เพราะว่าประเด็นเรื่อง “Decentralisation” มันเป็นเรื่องที่เราเคยคิดว่าเราเข้าใจอย่างดี คอนเซ็ปต์มันดูเรียบง่ายมาก แต่หลังจากล้มจากลูน่าเราก็รู้เลยว่าเราไม่เข้าใจมันเลยสักนิด! [ช้านไปหลงเชื่อว่า LUNA/UST ที่มีโดควอนกำกับขนาดนั้น มัน decentralised ได้ยังไงก๊อน] ความเรียงนี้ มันทำให้เราเห็นภาพมากขึ้นเลยว่าคำว่า “Decentralisation” มันคืออะไร ความเรียงนี้ไม่ได้บอกว่าโหนดมากแค่ไหนถึงเรียกว่ากระจายศูนย์ ไม่ได้มีตัวเลขที่จับต้องได้ แต่วิทาลิกเสนอให้เห็นภาพกว้างๆ ผ่านเกณฑ์ในด้านต่างๆ ที่เราต้องเก็บไปพิจารณาเสียมากกว่า ทุกการตัดสินใจ (อย่างน้อยก็เท่าที่ทุกคนคิดออกตอนนี้) มันจะตามมาด้วยการแลกอะไรบางอย่าง แต่สุดแล้วแต่ว่าอะไรที่คนในชุมชนเห็นว่าสำคัญเสียมากกว่า
เราเลือกที่จะใช้คำว่า “การกระจายศูนย์” แทนคำแปลอื่นๆ เพราะเรารู้สึกว่า Decentralisation มันค่อนข้างเป็นสเปกตรัมเหมือนกัน คำว่าไร้ศูนย์กลาง หรือปราศจากศูนย์กลางมันเกิดขึ้นได้ในโลกความจริงหรือเปล่าก็ไม่รู้ และเรารู้สึกว่าคำว่า “กระจาย” มันได้อารมณ์ของกระบวนการที่ต้องทำต่อเนื่องไปเรื่อยๆ ดี เพราะในความรู้สึกของเราเอง เรารู้สึกว่า Decentralisation มันเป็น “เกมที่ไม่มีวันสิ้นสุด” (infinite game) ที่ต้องทำไปเรื่อยๆ และต้องทำพร้อมกันหลายๆ ด้าน มากกว่าจะเป็นเกมที่มีเส้นชัยและมีจุดจบอย่างชัดเจน
ความเรียงนี้ถูกเผยแพร่ผ่านบลอคของวิทาลิกเองเมื่อช่วงต้นปี 2017 นับว่าเป็นช่วงที่อีเธอเรียมกำลังขึ้นสองขวบพอดี ซึ่งยังเป็นประมาณครึ่งปีหลังจาก The DAO Fork ที่กลายเป็นเหมือน “บาปติดตัว” ของอีเธอเรียมที่ยังคงเป็นประเด็นที่อีเธอเรียมถูกวิพากษ์วิจารณ์มาจนถึงวันนี้ ถึงแม้วิทาลิกจะไม่ได้เอ่ยถึงตรงๆ แต่ก็ได้แปะลิงค์ข่าวของเรื่องนี้ไว้ในความเรียงนี้อีกด้วย นอกจากนี้ ช่วงเวลาการปล่อยบทความเป็นช่วงที่ของ Block Size War ซึ่งเป็นการถกเถียงเรื่องขนาดบล็อกของบิตคอยน์ (อื้อฉาวสมัยนั้นแค่ไหน เราก็ไม่รู้นะเพราะเรายังไม่เข้ามาแต่ที่แน่ๆ คือมีหนังสือเกี่ยวกับประเด็นนี้โดยเฉพาะออกมาสองเล่ม) อีกอย่างที่สำคัญมากๆ ก็คือ ในช่วงต้นปี 2017 เป็นช่วงเริ่มต้นของ ICO Mania ที่มีการปล่อยเหรียญ ปล่อยเชนใหม่ๆ ออกมาในช่วงเวลานั้นเต็มไปหมด
อีกเลเยอร์ที่สำคัญมากๆ สำหรับเราคือ Layer 0 - ซึ่งคือเลย์เยอร์สังคม ที่เราชอบมากๆ ที่เดวิด ฮอฟท์แมนได้กล่าวไว้ว่า ”คริปโตถูกสร้างขึ้นด้วยโค้ด และเขียนโดยผู้คน” [”Crypto is built by code and composed by people.”] มันคล้ายๆ กับเวลาเราทำรีเสิร์ชเกี่ยวกับชิ้นงานศิลปะสักชิ้น การเข้าใจที่มาที่ไปของศิลปิน และบริบททางสังคมในช่วงเวลานั้น มันทำให้เห็นนะว่าทำไมเขาถึงตัดสินใจทำแบบนี้ การออกแบบโพรโทคอลที่เป็นสมาร์คอนแทรคแบบอีเธอเรียมเองก็ไม่ต่างกัน มันคือการตัดสินใจที่จะออกกฎต่างๆ ออกมา ทำไมเลือกทำแบบนี้ ทำไมไม่ทำแบบนั้น เหตุผลมันมากจากไหน อาจจะทำให้เราเห็นภาพได้ชัดเจนมากขึ้นก็ได้ เพราะอย่างไรก็ดีเรื่องทั้งหมดนี้จะเกิดขึ้นไม่ได้เลยถ้าปราศจากมนุษย์ที่คิดค้นและเขียนโค้ดค่ะ
ด้วยความที่วิทาลิกมาจากแบคกราวน์ของการเป็นนักวิทยาการคอมพิวเตอร์ วิทาลิกจึงมักจะใช้การเปรียบเปรยและศัพท์เทคนิคที่อิงมาจากโลกของวิทยาการคอมพิวเตอร์และยังเคยเป็นนักโต้วาทีสมัยเรียนอีก เราไม่ได้มีแบ็คกราวน์เกี่ยวกับเทคอะไรเลย ความเรียงนี้เลยยากมากสำหรับเราที่จะสามารถเก็บดีเทลเล็กๆ น้อยๆ ไว้ได้ทั้งหมด
เหตผุลที่เลือกแปลทั้งบทความแทนการสรุปเหมือนบทความอื่นๆ เพราะเราค้นพบว่าการแปลมันบังคับให้เราต้องนั่งใช้เวลากับตัวเท็กซ์จริงๆ และทำให้รู้ว่าการอ่านไปแค่รอบเดียว เราเอาความเข้าใจของเราไปตีความเท็กซ์จนอ่านประเด็นผิดแบบที่เราไม่รู้ตัว! กลับมาเห็นตอนอีดิทรอบสองแล้วว่าเข้าใจผิดไปเยอะเลย ท่านี้เล่นไม่ง่ายสำหรับมือใหม่ (หัดแปล) และอาศัยความถึกมากเพราะต้องอีดิทกันหลายรอบ [เราอีดิทไปหลายรอบแล้ว แต่อาจจะยังมีจุดผิดแน่ๆ] แต่ยังไง เราแนะนำเลยสำหรับใครที่อยากทำความเข้าใจลึกๆ กับเรื่องอะไรนะคะ
หลักการในการเลือกบทความมาแปล ตอนนี้บอกได้เลยว่าไม่มี ทำตามความรู้สึกล้วนๆ ไม่ได้ตั้งใจจะแปลหรือเขียนถึงแค่อีเธอเรียมด้วย มันแค่สนุกที่จะได้ทำความเข้าใจเรื่องต่างๆ แต่เราก็คิดว่าในอนาคตคงจะมีประเด็นอื่นๆ ที่เราจะพูดถึงด้วย เช่น Generative art ที่เราค่อนข้างเลิฟมากในช่วงนี้