มาร์ค แอนดรีสเซน ถือเป็นหนึ่งในสุดยอด OG ของโลกอินเตอร์เน็ต แอนดรีสเซนตบเท้าเข้ามาในอุตสาหกรรมอินเตอร์เน็ตตั้งแต่ช่วงรุ่งอรุณของ Web 1.0 ในฐานะผู้ร่วมก่อตั้ง Mosiac และ Netscape เว็บเบราว์เซอร์รุ่นแรกที่เคยครองตลาดในช่วงปี 1990s กล่าวได้ว่าแอนดรีสเซนเป็นหนึ่งในกำลังสำคัญหลักในช่วงเวลาที่คอยขับเคลื่อนฝั่ง open internet หรืออินเตอร์เน็ตที่เปิดกว้างอย่างเสรีให้ใครมาใช้งานก็ได้ ในโลกของ Web 2.0 และต่อมา Web3.0 แอนดรีสเซนได้ผันตัวมาเป็นนักลงทุน โดยเป็นผู้ร่วมก่อตั้งบริษัท Venture Capital ภายใต้นามว่า Andreesen & Horowitz หรือที่รู้จักกันในชื่อ a16z ในโลก Web 3.0 บริษัท VC ที่ลงทุนในสตาร์ทอัพ Web 3.0 มากที่สุดบริษัทหนึ่ง
ส่วนคริส ดิกซ์สัน เป็น General Partner ของ a16z และถือเป็นเจ้าพ่อแห่ง Mental Model หรือโมเดลทางความคิดของโลก Web 3.0 ดิกซ์สันย่อยความสลับซับซ้อนและความโกลาหลภายในโลกของ Web 3.0 มาในรูปแบบของโมเดลทางความคิดที่เข้าใจได้ง่ายขึ้น และสามารถนำไปใช้เป็นไกด์นำทางเพื่อทำความเข้าใจโลกที่เคลื่อนที่เร็วราวกับติดจรวดเช่นนี้ได้ (ดู ep Mental Model ของคริส ดิกซ์สันได้ที่นี่)
“Crypto is speedrunning the history of money and finance… While history never repeats but it rhymes.”
“คริปโตเปรียบเสมือนการสปีดรันผ่านประวัติศาสตร์ของเงินตราและการเงิน… แม้ว่าประวัติศาสตร์จะไม่เคยมีครั้งไหนที่เหมือนกัน แต่มันก็สอดคล้องกัน”
- เดวิด ฮอฟแมน (David Hoffman)
ประเด็นหลักๆ ที่พูดคุยก็คือ
The original sin of the internet
บาปติดตัวที่มาช้านานของอินเตอร์เน็ต ที่มาที่ไปของการเริ่มต้นและพัฒนาของอินเตอร์เน็ตที่ทำให้มี Web 3.0 ที่มีลักษณะเช่นวันนี้
How web3 fixes the internet (i.e. or reinvent the internet)
เว็บสามจะมาแก้ปัญหาและความผุผังของอินเตอร์เน็ตในวันนี้ได้อย่างไร เว็บสามจะมาเปลี่ยนแปลงและเปิดศักราชใหม่ให้แก่อินเตอร์เน็ตได้อย่างไร
Crypto is like the early internet (including the fight for freedom)
คริปโตและเว็บ3 มีความเหมือนและต่างกับอินเตอร์เน็ตในยุคบุกเบิกอย่างไร เช่น การต่อสู้เพื่อเสรีภาพ
Why the open internet wins
ทำไมฝั่ง open internet จะชนะ
Marc Andreesen’s advice to his 22 year-old self
คำแนะนำจากมาร์ค แอนดรีสเซนให้แก่ตัวเองตอนอายุ 22 ที่เพิ่งก่อตั้ง Netscape และแก่คนรุ่นใหม่ในยุคนี้
ถ้าใครอยากดาวน์โหลดเป็น PDF ไปอ่าน เชิญลิงค์นี้ค่ะ
*ถ้าอยากได้แบบเต็มๆ ยังไงการไปฟังต้นทางก็ดีที่สุดค่ะ ที่จดมามันเป็นมุมมองของเรา อย่าเชื่อเรามากเพราะตราบใดที่เรา #DYOR ด้วยตัวเอง ทุกการตัดสินใจจะเป็นของเราเอง (แม้แต่การตัดสินใจยัง self sovereign อ่ะ คิ๊ดดู๊) FUD หรือข้อมูลผิดๆ แค่ไหน ก็ทำอะไรเราไม่ได้ เพราะเราเข้าใจ
พอดแคสท์ตอนนี้สนุกมาก (เอาจริง พอดแคสท์ Bankless สนุกเกือบทุกตอน ยกเว้นตอนที่เทคนิคคัลจัดๆ จนฟังไม่รู้เรื่องเลย) ส่วนตัวเราเป็นพวกเนิร์ดชอบบริบทประวัติศาสตร์รากของที่มาที่ไป และ ethos ทั้งหลาย เพราะอยากเข้าใจว่าเรามาถึงจุดนี้กันได้ยังไงวะ และเหตุผลอะไรที่ตัดสินใจให้ทำแบบนี้
ที่ชอบมากๆ ของพอดแคสท์นี้เลยคือประเด็นที่พูดเรื่อง open internet ที่เค้าสามารถอธิบายออกมาได้ดีมากว่าความสำคัญของอินเตอร์เน็ตที่เปิดกว้างอย่างเสรีมันคืออะไร ทุกอย่างมันมีที่มาที่ไปของมัน ความสำคัญของ Web 3.0 คืออะไร #ถ้าไม่สู้ก็อยู่อย่างทาส เราชอบการที่เราได้มีส่วนร่วมกับเส้นทางในการพัฒนาซอฟท์แวร์แทนที่จะมาเห็นผลิตภัณฑ์สุดท้าย มันแปลว่าเรามีส่วนในการขับเคลื่อนและคุมหางเสือเรือแห่งอนาคตของเราลำนี้ด้วยเช่นกัน
อีกอย่างที่ชอบ และช่วงหลังๆ นี้ความคิดเราก็เปลี่ยนไปมากเลย ก็คือความสำคัญของการมี ownership และเงิน ใช่ค่ะ เงินค่ะ เมื่อก่อนนี่ก็เป็นเช่นกัน รังเกียจเงิน กลัวความ commercial (ทำไมนะ?) แต่คือพอมาได้ออกจากกะลามาเข้าโลก Web 3 ก็รู้เลยว่าเงินสำคัญมาก ทุกอย่างจะเกิดขึ้นได้อย่างยั่งยืนถ้ามีทุน มีเงิน (เงินกับความโลภไม่ใช่สิ่งเดียวกันนะ) ส่วนเรื่อง ownership เราชอบที่แอนดรีสเซนอ้างอิงหนังสือเล่ม The Mystery of Capital
เราอ่าน Cathedral & Bazaar จบแล้ว [โบสถ์และบาซ่าร์] เลยอยากแนะนำให้ลองอ่านกัน เราก็เพิ่งมาทราบนี่แหละว่ามันเป็น key text เลยสำหรับใครที่สนใจเรื่อง Open software/ open internet เพราะอย่าง Kevin Owocki แห่ง GitCoin ก็แนะนำให้อ่านเหมือนกันนะ อ่านตอนแรกๆ แล้วอาจจะเหวอแดกหน่อย เพราะคนเขียนเค้าเป็นนักพัฒนาและใช้เคสการพัฒนาซอฟท์แวร์บน Linux หลักๆ คือความเรียงมันเปรียบเทียบการทำงานพัฒนาซอฟท์แวร์อินเตอร์เน็ตสองแบบในช่วงยุคบุกเบิก ยุค 90s ถ้าอยากเข้าใจคอนเซปของ Web 3 และ open internet ที่เรากำลังไปกัน ความแตกต่างของบริษัทยักษ์ใหญ่แบบ centralised และการเกิดขึ้นของอีเธอเรียมที่เป็นคอมพิวเตอร์กลางของโลกแบบ decentralised ที่ใครก็มาพัฒนาโปรแกรมและใช้งานได้จะทำให้เก็ทอีเธอเรียมและหลักการของมันได้อีกมาก (ในเว็บ ethereum.org ก็มีการเปรียบเปรยว่าอีเธอเรียมเหมือนกับเป็นบาซ่าร์นั้นแหละ) เข้าใจว่าทำไม The Merge มันช่างวุ่นวายขนาดนี้ (เดี๋ยวมาเขียนถึงด้วยดีกว่า มันเป็นเท็กซ์ที่สนุกมากอ่ะ - บอกแล้ว ชั้นเนิร์ด)
ถ้าใครมีคำถาม หรือคำแนะนำอะไร หรือเจอข้อผิดพลาด DM มาได้เลยค่ะทางทวิตเตอร์ (@nucha_nicha) ไว้มาทำสรุปอีก เห็นคนในทวิตเตอร์ทำกันเยอะ เลยทำตามบ้าง ชอบด้วย สนุกดี #PayItForward ค่ะ
#WAGMI with Love ค่ะทุกคน 🤞