ความฉิ*หายจะตกอยู่กับใครถ้าราคา stETH ดิ่งเหว? ชวนอ่านบทความโดย Cobie

*สวัสดีทุกคน
*
เมื่อเช้าเห็นข่าวเรื่อง Celsius เลยนั่งตามอ่านดู เราเลยไปเจอทวีตนี้ของคุณ Jim Bianco พูดถึงเรื่องนี้พอดี และเขาได้แปะโพสต์ที่คุณ Cobie อธิบายไว้เรื่อง stETH และความเป็นไปได้ของความฉิบหายถ้า Celsius ใช้ leverage ในการ stake เพื่อไปแจก yield และ liquidity เริ่มแห้งตามที่โดนกล่าวหาจริงๆ เราเลยอ่านและแปลบทความไปด้วย หาเรื่อง! มาก! ตอนที่อ่านรู้สึกว่าสั้น แต่พอมาแปลจริงเหนื่อยมั่ก! อย่าจะเลิกตั้งแต่ครึ่งบทความล่ะ แต่รู้สึกว่าเอาเถอะมันเผลอตัวมาขนาดนี้ ก็สู้หน่อยว๊ะ! 😂

*ที่เลือกแปลบทความนี้เพราะคุณ Cobie เคยเป็นคนที่ร่วมบุกเบิกสร้าง Lido มาตั้งแต่ตอนแรก ถึงนางจะออกไปนานล่ะ แต่เราว่าโพสต์นี้มันช่วยให้เราเห็นภาพได้มากขึ้นล่ะ โพสต์นี้ถูกเขียนเมื่อวานนะคะ สดๆ อยู่ๆ ยังไงเราว่าลองหาอ่านเยอะๆ ดูค่ะ ความรู้สู้ FUD ได้ค่ะทุกคน เราแปลแบบรีบๆ แถมไม่ได้พิสูจน์อักษรด้วยค่ะ ถ้าเจอจุดผิดพลาดก็แจ้งมาได้ค่ะ เอาล่ะ เลิกพล่าม เริ่ม!


*[Disclaimer: I do not own the copyright of this article. The copyright rightfully remains with the writer, aka Cobie. I translated this article with an intention of distributing knowledge to the wider crypto community in Thailand; as a part of my own crusade for democratising Web3 and open internet knowledge, which I just embarked recently. If you have any concerns or questions, please kindly DM me via Twitter.]

[Disclaimer: เราไม่ได้เป็นเจ้าของลิขสิทธิ์เนื้อหานี้ ลิขสิทธิ์เนื้อหายังคงอยู่กับตัวผู้เขียนซึ่งคือคุณโคบี้ เราแปลบทความนี้ด้วยความตั้งใจที่จะช่วยเผยแพร่ความรู้ให้แก่ชุมชนคริปโตในไทย ในฐานะสิ่งที่เราอยากทำคือการกระจายความรู้เกี่ยวกับคริปโต, Web3 และ Open Internet ไปสู่วงกว้างมากขึ้น ถ้ามีคำถามหรือข้อกังวล ติดต่อเราผ่าน DM ได้บน Twitter ค่ะ]
*

--------------------

Staking, pegging and other stuff

บทความต้นฉบับโดยคุณ Cobie
บทความต้นฉบับตีพิมพ์เมื่อ 12 มิถุนายน 2022
อ่านบทความต้นฉบับภาษาอังกฤษโดยคุณ Cobie ได้ที่นี่ 👇

*โพสต์นี้จะสั้นๆ และผมก็ไม่ได้ตรวจทานหลังเขียนเสร็จอีกรอบด้วย เพราะฉะนั้น ผมขอโทษก่อนล่วงหน้าเลยถ้าในโพสต์นี้มีข้อผิดพลาดหลายจุดนะครับ ก่อนเราจะมาเริ่มต้นกัน ผมขอแจ้งข้อมูลเคลียร์ความเข้าใจล่วงหน้าก่อนตรงนี้เลยครับ

ก่อนอื่น ทั้งหมดนี้ไม่ใช่คำแนะนำทางการลงทุนนะครับ เพราะผมไม่ได้มีคุณวุฒิมากพอที่จะแนะนำการลงทุนให้ใคร อันที่จริง ผมไม่มีคุณวุฒิและความสามารถพอที่จะทำอะไรเลยครับ พวกนี้มันคือความเห็นส่วนตัวของผม ไม่ได้เป็นของเจ้านายผม เพราะผมไม่มีเจ้านายฮะ ซึ่งก็อาจจะเป็นเพราะผมไม่มีความสามารถมากพออ่ะครับ

ข้อที่สอง ผมเป็นคนที่ช่วยสร้าง Lido ขึ้นมาเองครับ ซึ่งเป็นประเด็นหลักของโพสต์นี้ แต่ผมไม่ได้ทำงานที่ Lido แล้ว และไม่ได้เขียนโพสต์นี้ขึ้นมาเพื่อพูดแทน Lido ด้วย ผมมีส่วนร่วมช่วยสร้างมันก็ตอนตั้งต้นแรกๆ สมัยนู้นเลยครับ ผมไม่ได้ทำงานที่ Lido มามากกว่าหนึ่งปีแล้วฮะ ผมไม่ได่แม้แต่จะพยายามส่งโพสต์นี้ให้ใครที่ยังทำงานอยู่ที่ Lido อ่าน เหตุผลหลักๆ เลยก็คือ ผมขี้เกียจจะกลับมาแก้ไขโพสต์นี้ถ้าพวกเขาเจอข้อผิดพลาดครับ

สุดท้ายครับ ผมมี LDO ผมมี ETH และผมมี stETH ฮะ ดังนั้น มันมีความเป็นไปได้สูงมากว่าผมมีความลำเอียงมาก และความคิดของผมเกี่ยวกับประเด็นนี้คงจะไม่ได้เรื่องและสามารถข้ามมันไปได้เลย แต่ยังไงก็ตาม ผมได้พยายามอย่างสุดกำลังที่จะเป็นกลาง เพราะชัยชนะจะเกิดขึ้นได้ตราบใดที่เราเจอคำตอบที่ถูกต้อง ซึ่งคงจะดีกว่าที่เราจะไปตะโกนป่าวประกาศคำตอบผิดๆ ใส่คนจำนวนมากบนอินเตอร์เน็ตซ้ำไปซ้ำมา อย่างไรก็ตาม ผมก็เป็นยังเป็นมนุษย์ฮะ และนั่นนำมาซึ่งข้อผิดพลาดเต็มไปหมด

โคบี้ ช้าได้ช้านะเพื่อนนะ Lido มันคืออะไรอ่ะ?

แนะนำ Lido

สั้นๆ มันคือโพรโตคอลการร่วมมือกันแบบหัวดื้อสำหรับการ stake ETH [บน Beacon Chain - ผู้แปล] มันคือกอง staking (staking pool) ที่ให้โทเคนเป็นตัวแทนของ ETH ที่ถูก stake ไป

คุณ stake 1 ETH และ Lido จะให้ 1 stETH คืนมา ETH ที่คุณจะถูกนำไป stake กับ validator จากกลุ่มคนรันโหนดที่ Lido เลือกมา และเนื่องจากว่า ETH ที่คุณนำไป stake จะได้รางวัลจากการ stake ยอด stETH ของคุณก็จะเปลี่ยนไปให้ตรงกับยอดบน Beacon Chain แบบอัตโนมัติ

หลังจากที่ทีมนักพัฒนาของ ETH [ในที่นี่คือทีมพัฒนา The Merge ทั้งหมด - ผู้แปล] สามารถปล่อย The Merge และ fork ที่ตามมาได้แล้ว stETH จะอยู่ในสถานะ “ไม่ถูก stake” และตัว ETH สามารถเอาคืนกลับมาได้ [จะถูกถอนมาได้ก็ต่อเมื่อมีอัพเกรดหลัง The Merge อีกรอบแล้วเท่านั้น - ผู้แปล]

ด้วยเหตุผลที่อีเธอเรียมออกแบบระบบการ staking แปลกๆ หน่อย และด้วยการที่ Beacon Chain ถูกปล่อยออกมาตั้งแต่ปลายปี 2020 แต่ยังไม่มีวันที่แน่ชัดว่าจะทำ The Merge เมื่อไหร่ Lido เลยเป็นที่นิยมเอามากๆ สำหรับผู้ใช้งานแล้ว มันกลายเป็นวิธีที่ฮิตที่สุดในการ stake ETH เลยก็ว่าได้

พอเก็ตเนอะ? โอเคฮะ

จนกระทั่งมาถึงคราวที่เหตุการณ์ UST หลุดจากราคาที่ถูกตรึงไว้ จน Luna ล้ม และ stETH เลยโดนพ่วงแหไปด้วย หลังจากนั้นเป็นต้นมา ราคาของ ETH ก็ตกลงไปประมาณ 50% พูดตามตรงเลยคือ แท่งเทียนรายอาทิตย์ของอีเธอเรียมเป็นสีแดงติดกันมาสิบอาทิตย์แล้วครับ

นี่อาจจะเป็นเพราะว่า ที่ผ่านมามันเป็นคู่เทรดที่ค่อนข้างแน่นแฟ้นมากๆ (และหรืออาจจะเป็นเพราะคำว่า “การตรึงราคา” (peg) กลายเป็นประเด็นยอดฮิตที่ทำให้คนเป็น PTSD ไปแล้วหลังจากเหตุการณ์ UST) ผู้คนเลยมักจะเข้าใจผิดว่า stETH นั้น “ถูกตรึงราคาไว้” กับ ETH ครับ ซึ่งแน่นอนว่า นี่ไม่ใช่เรื่องจริงแต่อย่างใด

stETG ไม่ได้ถูกตรึงราคาไว้กับ ETH และมันไม่ได้จำเป็นที่จะต้องถูกซื้อขายราคา 1:1 กับ ETH ที่จะทำให้ Lido (หรือ stETH) ทำงานได้ตามปกติ stETH ถูกซื้อขายตามราคาตลาดที่ขึ้นอยู่กับอุปสงค์/สภาพคล่องของ ETH ที่ถูก stake อยู่ หรือความน้อยของมัน

Lido ไม่ได้เป็นแค่โพรโทคอลสำหรับการ stake ที่ให้สภาพคล่องแค่เจ้าเดียว ลองดูของเจ้าอื่นๆ ที่มีประโยชน์ใช้สอยน้อยกว่า และอนุพันธ์ไม่ค่อยมีสภาพคล่องเท่า ก็เห็นได้ค่อนข้างชัดว่าตลาดสภาพคล่องแบบ 1:1 ไม่ใช่อะไรที่จะคาดหวังได้:

BETH ของ Binance:

AETHC ของ Ankr:

ทั้งสองอนุพันธ์สำหรับการ stake ทำงานคล้ายกับ Lido มากๆ Ankr ถูกปล่อยมาก่อน Lido แป๊บนึง และ BETH ของ Binance ถูกปล่อยตามมาหลังจากนั้นไม่กี่เดือน เพราะฉะนั้นมันเกิดมาในช่วงเดียวกัน

และอย่างที่คุณเห็น ไม่มีอนุพันธ์ไหนที่ถูกซื้อขาย “ในราคาที่ถูกตรึงไว้” เลยตลอดช่วงชีวิตที่ผ่านมาของพวกมัน ราคาของ BETH เคยลดลงไปถึง 0.85 ETH ต่อ BETH ส่วน AETHC เคยตกลงไปจนถึง 0.80 ETH

อนุพันธ์ของการ stake ไม่ใช่ stablecoin ครับ และไม่ใช่แม้กระทั่ง ‘algo-stable’ ด้วย บางคนอาจจะอธิบายว่ามันคล้ายกับ GBTC ของ Greyscale มากกว่า หรือพวกตลาดล่วงหน้าทั้งหลายที่ไม่ได้กำหนดวันส่งมอบของไว้ ผมน่ะไม่ค่อยรู้เกี่ยวกับการเปรียบเทียบสักเท่าไหร่หรอกครับ หลักๆ เลยคือ มันคือโทเคนที่เป็นตัวแทนความเป็นเจ้าของของหลักประกันที่ถูกล็อกเอาไว้ การเทรดในราคาที่น้อยกว่าราคาที่เท่าเทียมกับสินทรัพย์ที่ถูกล็อกไว้เป็นเรื่องปกติที่เราควรจะคาดหวังไว้ก่อน

การแลกคืน, การทำ arbitrage และราคาของ ETH ที่ถูก stake ไว้

คุณสามารถสร้าง 1 stETH ด้วย 1 ETH ได้ทันทีจากการไป stake ไว้กับ Lido

ด้วยเหตุผลนี้ stETH ไม่ควรที่จะถูกซื้อขายในราคาเกิน 1 ETH ถ้าเกิด stETH ถูกเทรดที่ราคา 1.10 ETH เมื่อใด นักเทรดก็สามารถไปมิ้น 1 stETH ด้วย 1 ETH และขายมันที่ราคา 1.10 ETH ซึ่งพวกเขาสามารถทำสิ่งนี้ซ้ำไปมาเพื่อได้กำไรจนกว่าราคาที่เท่าเทียมจะกลับมา

โอกาสในการทำ arbitrage อย่างทันทีแบบนี้ไม่ได้เกิดขึ้นตอนนี้ในอีกทิศทางหนึ่ง

ไม่มีโทเคน ETH ที่ถูก stakeไว้ (stETH, BETH, RETH, AETHC, อื่นๆ) สามารถถูกแลกคืน จนกว่า The Merge และธุรกรรมจะสามารถทำได้บน ETH2

The Merge จะเกิดขึ้นเมื่อไหร่ ตอนนี้ก็ได้แค่นั่งเทียนกันเท่านั้น ถ้าจะให้พนันกัน ผมเดาว่ามันน่าจะประมาณตุลาคมของปีนี้นะ แต่มันก็อาจจะถูกผลักไปจนถึงปลายปีได้อย่างง่ายๆ ก็ได้ หรือแม้กระทั่งต้นปีหน้า หลังจากการ Merge แล้ว เรายังต้องรอการ fork เพื่อเคลื่อนย้ายสถานะอีก ใครจะไปรู้ว่ามันจะใช้เวลานานเท่าไหร่ มันอาจจะเกิดขึ้นหกเดือนหลังจาก The Merge ก็ได้

และแน่นอนว่า มันมีวงเงินที่คุณจะเลิก stake ETH ในแต่ละครั้งอยู่แล้ว ถ้า ETH ที่ถูก stake ไว้ทั้งหมดจากทุกๆ วิธีการ stake ถูกเลิก stake พร้อมกันละก็ คิวในการถอนออกคงยาวไปเป็นปี

หลังจากทั้งหมดนี้เสร็จ จะมีโอกาสทำ arbitrage โทเคนสภาพคล่องของการ stake ทั้งสองทิศทาง นักเทรดสามารถซื้อ 1 stETH ในราคา 0.9 ETH และเอาไปแลกเป็น 1 ETH และทำซ้ำวนไป

อย่างไรก็ตาม โทเคนสภาพคล่องของการ stake สามารถมีราคาต่ำกว่า 1:1 หลังจากเส้นทางของการ arbitrage เปิดนอกตลาดกระทิงคลั่งได้ ราคาที่เป็นธรรม The fair price is likely to be a function of how much % gain buyers will want for the risk of holding through the redemption/unstaking period — where sellers will weigh up the implications of waiting the unbonding period for themselves vs. the discount from selling instantly.

ตอนนี้ มันไม่ค่อยมีการแลกคืนกันเท่าไหร่เลยทำให้มีการลดราคาทางสภาพคล่องครับ

อุปสงค์ของ ETH จะสูงในตลาดขาขึ้น การซื้อ stETH ในราคาที่ได้ส่วนลดนิดหน่อยก็จะน่าสนใจ เพราะนักเทรดจะเห็นว่าการซื้อ stETH เพื่อได้มา 1 ETH เป็นวิธีที่จะได้ ETH เพิ่มเป็นพิเศษ นอกจากนั้น อุปสงค์ของสภาพคล่องในตลาดกระทิงก็น้อยกว่าด้วย ความกดดันให้ขาย stETH ออกก็น้อยลง เนื่องจากนักลงทุนแฮปปี้ที่จะถือสินทรัพย์ที่ได้ yield มาเพิ่ม

ในทางกลับกัน เมื่อมาถึงตลาดขาลง พออุปสงค์ของ ETH เหือดแห้งไป และความต้องการสภาพคล่องจะชัดมากขึ้นอย่างรวดเร็ว อุปสงค์ในระยะยาวของสินทรัพย์ที่สะท้อนตัวเองแบบนี้ได้มักจะลงอย่างมาก พอมีคนต้องการปิด position ของ ETH ที่เอาไป stake อยู่ และสินทรัพย์ที่ถูกล็อกไว้ในระยะเวลานานๆ ก็ไม่น่าดึงดูดเท่า position ระยะสั้นของ ETH

การลดราคาของ stETH ต่อราคาของ ETH คือการแสดงความสัมพันธ์ระหว่างคนที่ถือ stETH อยู่ต้องการสภาพคล่องมากเท่าไหร่ vs อุปสงค์สำหรับการซื้ออนุพันธ์ของ ETH ที่ถูก stake ในราคาเซลล์

แน่นอนครับว่ามันมีปัจจัยอื่นๆ ด้วยเหมือนกัน การลดราคาเป็นการ priced in ความเสี่ยงทางสมาร์ตคอนแทรค, ความเสี่ยงของฝั่ง governance, ความเสี่ยงของตัว Beacon Chain เอง, ความเสี่ยงของ “พี่จะ merge เมื่อไหร่?” และอื่นๆ ในขณะที่ความเสี่ยงพวกนี้ค่อนข้างคงที่มากกว่าปัจจัยด้านอุปสงค์ของ ผู้ซื้อ/ผู้ขาย วิธีที่คนจะประเมินความสำคัญของพวกมันจะเปลี่ยนเพราะความกลัวในตลาดได้เปลี่ยนแปลงไปแล้วด้วยเช่นกันครับ

มันเหมือนว่าตอนนี้ปัจจัยที่ใหญ่ที่สุดคือ การเลือกใช้สภาพคล่องในมหภาพ โดยดูเหมือนว่าอารมณ์ความรู้สึกรวมๆ ของ The Merge ตอนนี้เหมือนจะไม่ได้เป็นปัจจัยอะไรเลยที่ผ่านมา

คนโดนบังคับขาย

ในระหว่างที่หลายๆ คนกำลังโฟกัสกับราคา stETH ในฐานะเส้นเรื่อง ซึ่งคงจะเกิดขึ้นเพราะความหลอนจาก UST ผมว่ามันเป็นไปที่ stETH คืออาการที่กำลังนำไปสู่เรื่องราวที่ต่างออกไปครับ

ปัจจัยของการถกเถียงกันเรื่อง stETH ตอนนี้ที่สำคัญมากที่สุดตอนนี้น่าจะประเด็นว่า ใครที่จะเป็นคนที่โดนบังคับขาย?

ดูเหมือนจะมีหลายกลุ่มอยู่เหมือนกัน

1. คนที่ leverage การ stake ของตัวเอง
2. นิติบุคคลที่ต้องจัดการการแลกคืนของการฝาก

คนกลุ่มแรกสามารถถูกชี้ตัวได้เลยจากข้อมูลบนเชน

คนที่ leverage การ stake ของตัวเอง

สำหรับนักเทรดที่ใช้ Aave มาเพื่อ leverage การ stake ETH การเทรดของพวกเขาจะมีขั้นตอนประมาณนี้ฮะ:

  1. ซื้อ ETH
  2. นำ ETH ไป stake (หรือซื้อ stETH จากตลาด)
  3. ฝาก stETH ที่ได้มาใหม่บน Aave
  4. ยืม ETH ออกมาจากการฝากครั้งนี้
  5. นำ ETH ที่ยืมมาไป stake และได้ stETH ออกมา
  6. ทำซ้ำ

ผลิตภัณฑ์แบบ Instadapp (และอื่นๆ) เปลี่ยนการเทรดแบบนี้กลายเป็น “ตู้นิรภัย” (vault) ซึ่งดึงดูดเงินฝากก้อนหนึ่งให้เข้ามาใน position การ leverge stETH

มันจะมีราคาที่อยู่บนเชนที่จะบังคับให้พวกเขาโดน liquidate ครับ นอกจากว่านักเทรดจะมีหลักประกันมาใส่เพิ่มให้กับ position เหล่านี้ ในเวลาเดียวกัน การลด leverage position เหล่านี้ได้ พวกเขาจำเป็นที่จะต้องขาย stETH ออกเป็น ETH ซึ่งจะส่งผลต่อราคาของ stETH

คนที่โดนบังคับขายเหล่านี้ มีส่วนทำให้ราคา stETH ลดลงเพราะว่าถ้ามันไปถึงจุดที่พวกเขาโดน liquidate เมื่อไหร่ละก็ มันก็จะทำให้ราคาร่วงและคนที่มีจุดโดน liquidate ในราคาที่ต่ำกว่าโดน liquidate และโดนแบบนี้กันไปเรื่อยๆ

การถอนเงินฝากบน CeFi

กลุ่มที่สองนี้จะดูยากหน่อย มีข่าวลือและข้อมูลบนเชนจากการวิจัยที่ทำให้เห็นว่านิติบุคคลแบบ Celsius กำลังมีปัญหาเรื่องสภาพคล่องอยู่ แน่นอนว่า พอ Celsius เป็นบริษัทแบบ CeFi เราเลยไม่ได้เห็นภาพชัดๆ เกี่ยวกับ position การเงินหรือกลยุทธ์การจัดการคลังของพวกเขาเท่าไหร่ ด้วยเหตุผลนี้ ข้อมูลทั้งหมดมันเลยกลายเป็นแค่การคาดการณ์เท่านั้น และมันเป็นไปไม่ได้เลยที่จะรู้ว่ากำลังเกิดขึ้นภายใน Celsius แต่นักวิจัยก็ได้มีการคาดการณ์ว่าตอนนี้ระดับความเร็วที่ผู้ใช้งานถอนเงินออกได้แซงหน้าทุนสภาพคล่องที่ Celsius มีไปแล้ว

มันมีการคาดเดาเกี่ยวกับความหายของ Celsius ก่อนหน้านี้จาก DeFi ด้วย มีคนกล่าวหาว่า Celsius ได้สูญเสียเงินไปใน StakeHound, Badger และน่าจะใน LUNA/UST ด้วย

เส้นเรื่องของงานวิจัยดูเหมือนจะเป็นเช่นนี้:

Celsius ถูกกล่าวหาว่าใช้ DeFi มาทำ yield farm ด้วยเงินฝากของลูกค้า เพื่อที่จะส่ง yield กลับไปให้ลูกค้า พวกเขาน่าจะสูญเสียเงินไปจากการโดนโจมตี นอกจากนี้ พวกเขาได้นำ ETH ไป stake จำนวนมาก (ทั้งใช้ Lido และนำไป stake กับคนที่รันโหนดที่ไม่ได้สร้างสภาพคล่องโดยตรง) การ stake ETH มันเลยไม่มีสภาพคล่อง ซึ่งน่าจะใช้เวลาอีกประมาณ 6 เดือน หรือใช้เวลาอีกปีนึง

ถ้า Celsius ดันกลายเป็นคนที่โดนบังคับขาย stETH เพื่อชดเชยสภาพคล่องให้ผู้ใช้งานถอนออกได้ล่ะก็ นี่อาจจะเป็นเหตุการณ์ที่จุดระเบิดล้มโดมิโน่ให้คนโดน liquidate ตามๆ กันไป อันที่จริงแล้ว แม้แต่ความกลัวว่าเหตุการณ์นี้จะเกิดขึ้นก็สามารถทำให้เกิดเหตุการณ์นี้ได้เช่นกัน

อย่างไรก็ตาม ผมขอย้ำว่านี่เป็นเพียงการคาดการณ์นะครับ เราไม่มีทางรู้ว่าสถานการณ์การเงินที่แท้จริงของ Celsius ตอนนี้เป็นอย่างไร พวกเขามีเครื่องมืออะไรในมือบ้าง ภาระของลูกค้าอะไรบ้างที่พวกเขากำลังแบกอยู่ และอื่นๆ อีกมากมาย

แม้ว่าสิ่งที่อาจจะดูเป็นไปได้ยากคือ Celsius ทำเงินของลูกค้าให้กลายเป็นศูนย์ทั้งหมด มันก็มีความเป็นไปได้ทางทฤษฎีที่ Celsius จะตกอยู่ในสถานการณ์ที่กลุ่มลูกค้าจะขอถอนเงินออก แต่ Celsius ได้ล็อกสินทรัพย์เหล่านั้นบน Beacon Chain ที่ไม่รู้ว่าจะปลดล็อกเมื่อไหร่และดูเหมือนว่าจะยืดเยื่อออกไปเรื่อยๆ ในอนาคต

วิธีการที่ Celsius จะจัดการเหตุการณ์สมมุตินี้จะเป็นเรื่องที่สำคัญมาก ถ้าพวกเขาเพิ่มหนี้ด้วยการใช้สินทรัพย์ที่ถูก stake เพื่อจ่ายคืนให้ลูกค้า มันก็อาจจะเป็นการดีเลย์จุดที่ตัวเองจะถูกบังคับขาย และอาจจะทำให้เหตุการณ์นี้เลวร้ายได้อีกมาก

แล้วใครละคือคนที่จะฉิบหาย?

ผมจะไม่ทำตัวเหมือนว่าผมรู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับราคาของ stETH (หรือ BETH, AETHC, RETH และอื่นๆ)

แต่สิ่งที่ผมจะทำคือ ผมจะพยายามทำความเข้าใจว่าใครคือคนจะเจอกับความฉิบหายในรูปแบบสถานการณ์ขั้นเลวร้ายที่สุดฮะ ลองจินตนาการดูว่าถ้า FUD เกี่ยวกับ Celsius มันดันเป็นเรื่องจริง และคนที่ stake ด้วยการ leverage บนเชนไม่สามารถเติมหลักประกันได้ เป็นต้น

แล้วใครคือคนที่จะฉิบหาย?

Celsius และคนฝากเงินกับ Celsius ยังไงก็ต้องฉิบหายแน่นอน อาจจะเป็นด้วยเหตุว่าพวกเขาไม่สามารถให้ทุกคนถอนเงินได้จนกว่าการ merge จะเสร็จลง หรือ Celsius ต้องยอมเสียเงินก้อนใหญ่มากจากขายออกในราคาต่ำเพื่อให้คนสามารถถอนเงินออกได้ก่อนที่จะเกิดการ Merge

(Side note: ถ้าผมเป็น Celsius และตกอยู่ในที่นั่งที่ถูกกล่าวหาอยู่จริงๆ ผมคงจะออกจาก position ของ stETH ด้วยการขายแบบ OTC เงียบๆ ด้วยราคาลดเพื่อที่จะรักษาหน้าและความมั่นใจของสาธารณชนครับ)

คนที่ stake และนำไปทำ leverage yield farming ก็ฉิบหายด้วยถ้า position ของพวกเขาถูก liquidate

และถ้ามีใครอยากจะออกจาก position ของ stETH ก่อนที่จะเกิดการเคลื่อนย้ายสถานะบน Beacon Chain ก็จะเจอความลำบากด้วยครับ ถ้านักเทรดหรือนักลงทุนเอา ETH ไป stake วันนี้ (หรือซื้อ stETH แบบลดราคาวันนี้) และอยากจะออกในอีก 3 อาทิตย์หรือ 3 เดือนล่ะก็ มันไม่มีใครสามารถการันตีได้ว่าราคา stETH/ETH มันจะเป็นราคาเดิมกับตอนที่พวกเขาซื้อครับ

คนที่ถือครอง stETH โดยไม่ใช้ leverage ซึ่งมีแผนที่จะออกตอนที่ Beacon Chain ถูกปลดล็อกแล้วหลังกิจกรรมการ Merge และใดๆ เสร็จสิ้นไม่มีปัญหานะครับ เพราะยังไงซะ stETH มีค่า 1:1 กับ ETH บน Beacon Chain ครับ

การแลกคืนแบบ 1:1 ได้รับประกันแล้วใช่ไหม?

1 stETH, 1 BETH, 1 AETHC สามารถถูกแลกคืนเป็น 1 ETH เมื่อถูกปลดล็อกแล้วหลังจากที่มีการ merge บนอีเธอเรียมจบแล้ว ถ้าคุณมี 10 stETH วันนี้ คุณจะได้ 10 ETH คืนเมื่อพวกนักพัฒนาของ ETH ทำอะไรเสร็จ

แต่ อะไรที่จะทำให้มันไม่เป็นความจริง? หลักๆ มีอยู่สองอย่างครับ:

  1. Slashing
  2. บั๊กใหญ่ๆ บนโพรโตคอล

ทั้งสองอย่างนี้เป็นเรื่องที่เป็นไปได้ เหมือนที่มันเคยเป็นมาครับ แต่การโดน slashing ค่อนข้างเกิดขึ้นได้ยากบน Beacon Chain และผมคิดว่าโพรโทคอลสำหรับการ stake ส่วนใหญ่ก็คัดกลุ่ม Validator ที่พวกเขาเลือกใช้มาเป็นอย่างดี

แน่นอนว่า โพรโทคอลพวกนี้ผ่านการตรวจสอบมาอย่างละเอียดอยู่แล้ว แต่ผมก็มั่นใจว่าทั้งคุณและผมยังคงหลอนและมี PTSD จากเหตุการณ์โจมตี DeFi ของโพรโตคอลที่ผ่านออดิทมาแล้วเหมือนกัน

ในขณะที่สิ่งเหล่านี้สามารถเป็นความเสี่ยงอย่างแท้จริงได้ (อันนึงเสียหายเล็กน้อย อีกอันเสียหายหนักมาก) ใรความเห็นผม ผมคิดว่าทั้งสองอย่างก็ไม่น่าจะเกิดขึ้นครับ และความเสี่ยงของมันไม่ได้เพิ่มขึ้นหรือลดลงตามกสลเวลาแต่อย่างใด

มันยังมีความเสี่ยงเล็กๆ น้อยด้วย เช่น การออก ETH2 (เมื่อไหร่พี่จะ Merge และมันจะเกิดขึ้นเร็วๆ นี้มั้ยฮะ?) และความเสี่ยงด้าน governace ด้วย แต่ก็เหมือนกัน มันไม่ได้เพิ่มขึ้นหรือลดลง

(Side note - ถ้า ETH2 ไม่เกิดขึ้นจริงๆ ล่ะก็ คุณก็คงสามารถพอจะเดาได้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับ ETH ที่ถูก stake อยู่ มีความเป็นไปได้ว่าจะต้องกู้คืนมาได้ด้วยใช้ฉันทามติของชุมชน เนื่องจากว่าอนุพันธ์การ stake พวกนี้เป็นแค่ประมาณ 1/3 ของ ETH ที่ถูก stake อยู่ทั้งหมด บริษัทคริปโตและกระดานเทรดทุกบริษัทมีส่วนร่วมกับการ stake ETH ไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง)

อย่างไรก็ตามฮะ นอกจากความเสี่ยงพวกนี้แล้ว 1 สภาพคล่องการ stake ‘ETH’ จากไม่ว่าจะเป็นโพรโทคอลการ stake ไหนๆ ก็จะสามารถแลกคืนเป็น 1 ETH ตราบใดที่การปลดล็อกบนอีเธอเรียมถูกทำอยู่ ไม่ว่าราคาของ stETH/ETH ตอนนั้นจะมีราคาเท่าไหร่ก็ตาม

เมื่อการเคลื่อนย้ายสถานะใกล้มาถึง

สำหรับใครที่ยินดีที่จะยอมรับความเสี่ยงของสมาร์ทคอนแทรคและความเสี่ยงของ Validator สถานการณ์นี้ได้มอบโอกาสทีน่าสนใจให้นะครับ: นักเทรดยินดีที่จะถือ stETH เพื่อรอโอกาสแลกคืน arbritage ไปอีกนานแค่ไหน และเมื่อถึงราคาเท่าไหร่ที่พวกเขาจะกระโดดเข้ามา?

ในขณะที่การ merge และการเคลื่อนย้ายสถานะบน Beacon Chain กำลังใกล้เข้ามาแล้ว การ arb จะเริ่มน่าดึงดูดขึ้นเรื่อยๆ ความเสี่ยงของการรับรู้ของราคาอาจจะน้อยลงเมื่อระยะเวลาก่อนที่จะแลกคืนน้อยลง แต่นั้นก็ขึ้นอยู่กับอารมณ์ความรู้สึกของนักเทรดกับราคา USD ด้วย

เอานะฮะ ตอนนี้ผมขี้เกียจจะเขียนละ [ดีมาก คนแปลก็เหนื่อยแล้วเหมือนกันค่ะ 🤣 - ผู้แปล] ผมต้องไปเล่น League of Legends ก่อน ถ้ามีอะไรที่รู้สึกว่าไม่ชัดเจนผมจะตอบในคอมเมนต์นี้ หรือไม่ ผมก็อาจจะไม่ตอบ แล้วแต่ว่าผมอารมณ์เสียจากการแพ้การแข่ง LoL Clash ครั้งนี้หรือเปล่าครับ

Subscribe to Nucha Nucha
Receive the latest updates directly to your inbox.
Verification
This entry has been permanently stored onchain and signed by its creator.