ปฏิเสธไม่ได้ว่าทศวรรษ 2010 คือยุคทองสมาร์ทโฟน เนื่องจากเป็นประดิษฐกรรมที่ได้เข้ามามีบทบาทกับชีวิตประจำวันของเราเป็นอย่างมาก โดยมี iPhone จาก Apple เป็นผู้จุดประกายให้ผู้พัฒนารายอื่นดำเนินรอยตาม ไม่ว่าจะเป็นในมิติของการออกแบบให้ใช้งานง่าย และการรองรับแอปพลิเคชันเสริมเพื่อเพิ่มความสามารถ ส่งผลให้สมาร์ทโฟนกลายสิ่งของจำเป็นที่ทุกคนต้องมีติดตัวไว้ใช้งาน
ผ่านมาสิบกว่าปี ณ ห้วงเวลาปัจจุบัน ปัญญาประดิษฐ์ หรือ AI ได้เริ่มแทรกซึมเข้าไปในทุกแง่มุมของชีวิตเรา ทำให้หลายฝ่ายเริ่มมองหา “iPhone ในโลกของ AI” หรือสิ่งประดิษฐ์ที่นำนวัตกรรม AI มาเป็นฟังก์ชันหลักของการทำงาน และเข้ามามีส่วนในการพลิกวิถีชีวิตเช่นเดียวกับที่ iPhone เคยประสบความสำเร็จมาแล้ว ปัจจุบันมีผู้พัฒนาหลายรายได้พยายามพัฒนา gadget ที่ให้เรามีปฏิสัมพันธ์กับระบบปัญญาประดิษฐ์ได้โดยตรง และเปิดโอกาสให้เราสำรวจโลกในมิติใหม่ที่ไม่เคยมีมาก่อน
AI Gadget คืออะไร
AI Gadget คืออุปกรณ์ที่มีระบบ AI ซึ่งสามารถเรียนรู้ ประมวลผล และตอบสนองต่อข้อมูลต่าง ๆ ได้ด้วยตัวเอง ไม่ว่าจะเป็นการควบคุมอุปกรณ์ในบ้าน การติดตามสุขภาพ หรือการช่วยเหลือในงานต่าง ๆ อุปกรณ์เหล่านี้มีหลากหลายรูปแบบ ตั้งแต่ลำโพงดิจิทัล นาฬิกาอัจฉริยะ ไปจนถึงหุ่นยนต์ที่ช่วยเหลือในงานบ้าน
อย่างไรก็ดี การพัฒนา AI Gadget ไม่ได้เกิดขึ้นโดยไม่มีการวางแผน นักวิทยาศาสตร์และวิศวกรได้ทุ่มเทเวลาและความพยายามอย่างมากในการสร้างระบบปัญญาประดิษฐ์ที่สามารถเรียนรู้และปรับตัวได้เอง การเรียนรู้ของเครื่องจักรนี้เกิดจากการวิเคราะห์ข้อมูลจำนวนมาก ซึ่งสามารถทำให้เครื่องจักรเหล่านี้สามารถทำงานได้ซับซ้อนและมีประสิทธิภาพมากขึ้น และด้วยความสามารถในการเรียนรู้และปรับตัวนี้เองที่ทำให้ AI Gadget อาจเข้ามาเปลี่ยนแปลงวิถีชีวิตของเราได้ ยกตัวอย่าง
การดูแลสุขภาพ: AI Gadget สามารถติดตามและวิเคราะห์ข้อมูลสุขภาพของเราได้ตลอดเวลา ช่วยให้เราสามารถตรวจจับปัญหาสุขภาพได้เร็วขึ้นและดำเนินการรักษาที่เหมาะสม
การศึกษา: AI Gadget สามารถปรับเนื้อหาการเรียนรู้ให้เหมาะสมกับความต้องการและระดับความสามารถของแต่ละบุคคล ทำให้การศึกษาเป็นเรื่องส่วนบุคคลมากขึ้น
การทำงาน: AI Gadget สามารถช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงาน โดยการจัดการกับงานที่ซ้ำซากและใช้เวลานาน ทำให้เรามีเวลามากขึ้นสำหรับงานที่ต้องการความคิดสร้างสรรค์
การบริการลูกค้า: AI Gadget สามารถให้บริการลูกค้าได้ตลอดเวลา โดยไม่ต้องพึ่งพามนุษย์ ทำให้บริการลูกค้าเป็นไปอย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพ
การดูแลบ้าน: AI Gadget สามารถช่วยในการดูแลบ้าน ไม่ว่าจะเป็นการควบคุมอุปกรณ์ในบ้าน การตรวจจับความผิดปกติ หรือการปรับอุณหภูมิให้เหมาะสม
ตัวอย่าง AI Gadget ที่น่าสนใจ
จากศักยภาพของระบบ AI ที่มีอย่างล้นเหลือ และการแข่งขันที่รุนแรงระหว่างผู้พัฒนา ทำให้ในปัจจุบันได้มีบริษัทน้อยใหญ่หลายรายเริ่มนำระบบ AI มาใช้ในการสรรค์สร้างสิ่งประดิษฐ์หลากหลายรูปแบบ เช่น
สมาร์ทโฟน: แน่นอนว่าบิดาของสิ่งประดิษฐ์พลิกโลกอย่างสมาร์ทโฟนก็ถือเป็นหนึ่งใน AI Gadget ด้วยเหมือนกัน เนื่องจากสมาร์ทโฟนสมัยใหม่เต็มไปด้วยฟีเจอร์ที่ขับเคลื่อนด้วย AI ตัวอย่างเช่น ผู้ช่วยเสมือน เช่น Siri, Google Assistant และ Alexa สามารถใช้เพื่อสั่งงานโทรศัพท์ด้วยเสียง แปลภาษา และตอบคำถาม กล้องสมาร์ทโฟนยังใช้ AI เพื่อปรับปรุงคุณภาพของภาพถ่ายได้อีกด้วย
สมาร์ทวอทช์: สมาร์ทวอทช์ เช่น Apple Watch สามารถใช้เพื่อติดตามกิจกรรมทางกายภาพ ติดตามการนอนหลับ และติดตามสุขภาพหัวใจ บางรุ่นยังมีฟีเจอร์ที่ขับเคลื่อนด้วย AI เพิ่มเติม เช่น ผู้ช่วยเสมือน การชำระเงินแบบไม่ต้องสัมผัส และการเล่นเพลง
ลำโพงอัจฉริยะ: ลำโพงอัจฉริยะ เช่น Google Home และ Amazon Echo สามารถใช้เพื่อเล่นเพลง ตั้งนาฬิกาปลุก ควบคุมอุปกรณ์สมาร์ทโฮม และอีกมากมาย ลำโพงอัจฉริยะบางรุ่นยังมีฟีเจอร์ที่ขับเคลื่อนด้วย AI เพิ่มเติม เช่น การอ่านข่าว การเล่าเรื่องราว และการเล่นเกม
หูฟังอัจฉริยะ: หูฟังอัจฉริยะ เช่น Apple AirPods และ Sony WF-1000XM5 ใช้ AI เพื่อลดเสียงรบกวน ปรับปรุงคุณภาพเสียง และควบคุมการเล่นเพลง หูฟังอัจฉริยะบางรุ่นยังมีฟีเจอร์ที่ขับเคลื่อนด้วย AI เพิ่มเติม เช่น การแปลภาษา และการรับคำสั่งด้วยเสียง
แว่นตาอัจฉริยะ: แว่นตาอัจฉริยะ เช่น Ray-Ban Meta Smart Glass สามารถแสดงข้อมูลบนเลนส์ เช่น การแจ้งเตือนทางโทรศัพท์ เส้นทางการนำทาง และข้อมูลสภาพอากาศ นอกจากนี้ แว่นตาอัจฉริยะบางรุ่นยังมีฟีเจอร์ที่ขับเคลื่อนด้วย AI เพิ่มเติม เช่น การถ่ายภาพ การแปลภาษา และการจดจำใบหน้า
ความท้าทายและข้อกังวล
แม้ว่า AI Gadget จะมีศักยภาพมากมาย แต่ก็มีความท้าทายและข้อกังวลที่ต้องพิจารณา เช่น
ความเป็นส่วนตัว: AI Gadget เก็บรวบรวมข้อมูลจำนวนมากเกี่ยวกับผู้ใช้ ข้อมูลนี้อาจรวมถึงข้อมูลส่วนบุคคล เช่น ตำแหน่งทางภูมิศาสตร์ นิสัยการใช้จ่าย และข้อมูลสุขภาพ ประเด็นสำคัญคือต้องแน่ใจว่าข้อมูลนี้ปลอดภัยและถูกใช้อย่างเหมาะสม ผู้พัฒนาควรเปิดโอกาสให้ผู้ใช้สามารถตั้งค่าและควบคุมข้อมูลส่วนบุคคล โดยสามารถเลือกได้ว่าข้อมูลใดที่จะถูกเก็บรวบรวม ใช้ และแชร์ได้ และต้องเปิดโอกาสให้ผู้ใช้สามารถเข้าถึงและแก้ไขข้อมูลของตนได้
อคติ: แม้ว่า AI Gadget จะได้รับการฝึกฝนโดยใช้ข้อมูลจำนวนมาก แต่ข้อมูลนี้อาจมีอคติ ซึ่งอาจนำไปสู่ผลลัพธ์ที่ไม่เป็นธรรม ตัวอย่างเช่น อัลกอริทึมที่ใช้ในการตัดสินใจให้สินเชื่ออาจมีอคติต่อผู้กู้บางกลุ่ม ซึ่งอาจนำไปสู่การเลือกปฏิบัติในการให้สินเชื่อ สิ่งสำคัญคือต้องแน่ใจว่า AI Gadget จะได้รับการฝึกฝนเกี่ยวกับข้อมูลที่หลากหลายและเป็นกลาง
การพึ่งพาเทคโนโลยี: AI Gadget อาจทำให้ผู้ใช้พึ่งพาเทคโนโลยีมากเกินไป ซึ่งอาจนำไปสู่การสูญเสียทักษะทางสังคม ความคิดสร้างสรรค์ และความเป็นอิสระ สิ่งสำคัญคือต้องใช้ AI Gadget อย่างมีความรับผิดชอบ ผู้ใช้ควรตระหนักถึงข้อจำกัดของเทคโนโลยี และไม่ควรพึ่งพาเทคโนโลยีมากเกินไป
ความปลอดภัย: AI Gadget อาจถูกแฮ็ก โจมตี หรือใช้ในทางที่ผิด ซึ่งอาจนำไปสู่การสูญเสียข้อมูล ความเสียหายทางการเงิน หรืออันตรายทางกายภาพ สิ่งสำคัญคือต้องใช้ AI Gadget จากผู้ผลิตที่เชื่อถือได้ ผู้ใช้ควรติดตั้งซอฟต์แวร์ป้องกันไวรัส และอัปเดตซอฟต์แวร์ของอุปกรณ์ของตนอยู่เสมอ
จริยธรรม: การพัฒนาและการใช้ AI Gadget มีประเด็นทางจริยธรรมมากมาย ตัวอย่างเช่น เป็นการเหมาะสมหรือไม่ที่จะนำ AI Gadget มาใช้ในการติดตาม เฝ้าระวัง หรือควบคุมผู้คน? หรือเราควรให้ความสำคัญกับอะไรเมื่อออกแบบ AI Gadget? สิ่งสำคัญคือต้องมีการอภิปรายสาธารณะเกี่ยวกับประเด็นทางจริยธรรมเหล่านี้ และไม่แน่ว่าในอนาคตอาจจำเป็นต้องมีแนวทางและกฎระเบียบเพื่อควบคุมการพัฒนาและการใช้ AI Gadget ด้วยก็เป็นได้
สรุป
AI Gadget หรือแก็ดเจ็ตที่ขับเคลื่อนด้วยปัญญาประดิษฐ์ กำลังกลายเป็นสินค้ายอดนิยม แก็ดเจ็ตเหล่านี้ใช้อัลกอริทึมที่ชาญฉลาดเพื่อเรียนรู้และปรับตัวให้เข้ากับความต้องการของผู้ใช้ ตัวอย่างของ AI Gadget ยอดนิยม ได้แก่ สมาร์ทโฟน สมาร์ทวอทช์ ลำโพงอัจฉริยะ หูฟังอัจฉริยะ
อย่างไรก็ตาม AI Gadget ยังมีความท้าทายบางประการที่ต้องเอาชนะ ไม่ว่าจะเป็นข้อกังวลเกี่ยวกับความเป็นส่วนตัวของผู้ใช้งาน อคติที่เกิดจากการฝึกฝน AI ด้วยข้อมูลที่ไม่มีความหลากหลายเพียงพอ และการพึ่งพาเทคโนโลยีมากเกินไปจนทำให้ผู้ใช้สูญเสียทักษะทางสังคม เป็นต้น
แม้ว่าจะมีความท้าทาย แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่า AI Gadget เป็นส่วนหนึ่งของอนาคต อนาคตที่เทคโนโลยีจะแทรกซึมเข้าไปในทุกแง่มุมของชีวิตของเรา อนาคตที่เราจะต้องเผชิญกับคำถามทางจริยธรรมใหม่ อนาคตที่เราจะต้องตัดสินใจว่าเราจะใช้เทคโนโลยีนี้อย่างไร ซึ่งอนาคตที่ว่านี้เกี่ยวข้องกับการตัดสินใจของเราโดยตรงครับ
สำหรับหัวข้อบทความถัดไปผมจะพูดถึงช่องว่างดิจิทัล (Digital Divide) ที่นับวันจะถ่างกว้างขึ้นทุกที และจะยิ่งทวีความรุนแรงมากขึ้นอีก เมื่อ AI เข้ามามีบทบาทมากขึ้น เรื่อง: สรนาถ รัตนโรจน์มงคล