ต้นฉบับ

ความจริงที่ไม่ค่อยน่าฟัง

ที่ผ่านมา Optimism พยายามสร้างเครื่องมือเพื่อช่วยปลดล็อกความสามารถให้ผู้คนผ่านเทคโนโลยีบล็อกเชนที่มีความ decentralize และสามารถเชื่อมให้เกิดร่วมมือของคนจากทั่วโลกอย่างไม่เคยมีมาก่อน แต่ถึงอย่างนั้นเราก็ยังไม่มีอะไรให้ฉลองมากเท่าไหร่ : จากรีพอร์ตในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา Optimism Mainnet มีส่วนในการช่วยผู้ใช้ประหยัดค่าธรรมเนียมไปแล้วกว่า 2.69 พันล้าน $ ประหยัดเวลากว่า 15.8 ปีที่ต้องใช้เพื่อรอการยืนยันธุรกรรม และสามารถดูแลทรัพสินกว่า 2.8 พันล้าน $ ในโลก onchain ให้ปลอดภัย

แต่ถึงอย่างนั้นในความเป็นจริง: ก็ยังไม่มีใครสามารถสเกล Ethereum ได้อย่างแท้จริง รวมทั้งพวกเรา(Optimism)

ถ้า Ethereum กำลังต่อสู้กับยักษ์ใหญ่ในโลก web2 และสามารถผลักดัน software ให้เกิดการใช้ในระดับโลก ก็จำเป็นต้องดึงพลังจากทั้งโลกอินเทอร์เน็ตเพื่อให้เกิดขึ้น ซึ่งไม่มีเชนไหนในตอนนี้ที่สามารถทำได้

ในขณะเดียวกันโลกของ multichain ก็เจอปัญหาในตัวมันเองเช่นกัน (ปัญหาเรื่องความปลอดภัย,ปัญหา Bridge Hack) Ethereum L2s ก็พยายามผลักดันขีดจำกัดของเครื่องมือและ UX แต่เราก็ยังไม่เข้าใกล้สเกลในระดับโลก เพื่อให้สามารถซัพพอร์ตเชนที่จะมีเพิ่มอีกเป็นร้อยเป็นพัน หรือเป็นล้านในอนาคต เราต้องการพาราไดม์ชิฟใหม่

เพื่อให้แบรนด์หรือ ecosystems ต่างๆ สามารถใช้เป็นแพลทฟอร์มที่พึ่งพิงได้ เพื่อแก้ไขปัญหาเรื่องข้อจำกัด และความไม่สมบูรณ์ที่เขามี ecosystems ใหญ่ๆ อย่าง Coinbase ก็กำลังเจอปัญหาที่ตัดสินใจยากนี้อยู่ : พวกเขาสามารถ deploy บน Ethereum และยอมสูญเสียความสามารถในการสเกลไป หรือจะลองเลือก L2 และพึ่งพา ecosystem นั้น หรือจะ deploy และดูแลเชนของตัวเองแต่ก็ต้องแลกมาด้วย fragment liquidity และ network effects ที่ต้องเริ่มใหม่

อนาคตที่ดีกว่า (Optimistic Future)

จะเกิดอะไรขึ้นถ้าเราสามารถมีทั้งความสามารถในการสเกลไปพร้อมๆ กับความสามารถในการจัดการองค์ประกอบเข้าด้วยกัน จะเกิดอะไรขึ้นถ้าทุกๆ เชนสามารถแชร์ open source stack ที่ให้ความสำคัญกับการ decentralize ,ระบบ governance, ระบบความปลอดภัย, และสามารถพัฒนาไปได้อย่างต่อเนื่องไปพร้อมๆ กัน?

ถึงเวลาแล้วที่ Optimism จะต้องเตรียมตัวให้พร้อมสำหรับการ adoption ของคลื่นลูกถัดไป

ถึงเวลาแล้วที่จะต้องสร้างเครือข่ายของเชนที่รวมกัน ไม่ใช่แค่หนึ่ง

ถึงเวลาแล้วที่เราจะต้องร่วมสร้าง ไม่ใช่แยกกันสร้าง

ถึงเวลาที่ Optimism จะเป็นแพลทฟอร์มสำหรับ chains

ซึ่ง Optimism นั้นก็เป็นโปรเจ็ก open source มาโดยตลอด และเราก็ภูมิใจที่เป็น L2 ที่ถูก forks มากที่สุด แต่ตอนนี้ถึงเวลาที่จะทำให้ดีขึ้นสองเท่า นี่ไม่ใช่เรื่องของการสร้างเชนอย่างมากมาย แต่เป็นการสร้างเครือข่ายของเชนที่รวมกันเป็นหนึ่ง

ซึ่งเราเรียกมันว่า Superchain

Superchain คือความพยายามที่จะรวม L2s ต่างๆ เข้าด้วยกันให้เป็นระบบที่สามารถทำงานเชื่อมกันและเป็นระบบที่รวมกันเป็นหนึ่ง เราต้องสร้างเพื่ออนาคตที่การลอนช์ L2 จะเป็นเรื่องง่ายและตรงไปตรงมาไม่ต่างจากการ deploy smart contract บน Ethereum ในทุกๆ วันนี้

ท้ายที่สุดและสำคัญที่สุดคือการร่วมสร้างด้วยกัน เราก็ชนะไปด้วยกัน(ไม่ใช่พลังประชารัฐ) นี่คือเหตุผลที่การทำให้ OP Stack codebase ยังคงความเป็น public good ซึ่งจะว่าไปแล้วก็….

A Based Announcement

วันนี้ เราขอต้อนรับ Coinbase เข้าสู่สมาชิกใหม่ของ Optimism ecosystem ความจริงแล้ว Coinbase เข้าร่วมกับเราในฐานะ core developer สำหรับ OP Stack codebase และเข้าร่วมในฐานะ L2 blockchain ที่ถูกสร้างบน Optimism เรียกว่า Base

ในฐานะ core developers Coinbase จะเข้าร่วมกับ OP Labs เพื่อร่วมภารกิจในการพัฒนาให้กับ Optimism Collective และช่วยขยาย OP Stack ให้กลายเป็น public good ที่ทรงพลังที่สุด (OverPowered) ในอุตสาหกรรมนี้

และในฐานะเชน Base จะมีส่วนในการสร้างกำไรจากค่าธรรมเนียมธุรกรรมกลับสู่ Optimism Collective treasury ต่อยอดสู่วิชั่นในการสร้างอนาคตที่ยั่งยืนที่ Impact = Profit

ในระยะอันใกล้การร่วมมือกันครั้งนี้จะทำให้ Optimism Mainnet, Base, และ L2s อื่นๆ สามารถรวมกันเพื่อสร้างโครงสร้างสำหรับ Superchain ที่จะแชร์ระบบ bridging และ sequencing

ในระยะยาวเมื่อ Superchain สามารถเติบโตแตกกิ่งก้านสาขาจนกลายเป็นเครือข่ายที่สามารถใช้ประโญชน์จากการทำงานร่วมกันได้สูงสุด สามารถแชร์ decentralized protocol และสร้างมาตรฐาน (standardizes) ซึ่งเป็นหัวใจหลักที่การ funding the public goods which enable it.

เราจะสเกลไปด้วยกัน หากคุณสนใจมาร่วมกันสามารถติดต่อได้ที่นี่ หรือจสามารถเริ่มต้น contribute

และเหมือนเดิม
Stay Optimistic! 🔴✨